0000วันจันทร์ที่ 29 กันยายน 2551 เวลา หกโมง สี่สิบนาทีเศษ คนไทย 13 คนก็ได้เดินผ่านขั้นตอนของศุลกากรของสนามบินนาริตะญี่ปุ่น ออกจากสนามบินก้าวขึ้นรถบัสที่มารับคณะ"ขอต้อนรับทุกท่านสู่ประเทศญี่ปุ่น และขอสวัสดีอีกครั้งนะครับ"เสียงคุณสุพจน์ ไกด์นำเที่ยวที่นำคณะเราเข้าสู่ญี่ปุ่นและจะเป็นผู้พานำเที่ยวศึกษาดูงาน "ประเทศญี่ปุ่นจะเช็คอินเข้าโรงแรมตอนหลังบ่ายสองโมง ฉนั้นก่อนเข้าโรงแรมจะพาคณะเข้าชม พระราชวังอิมพีเรียล พระราชวังอันเก่าแก่อันเป็นที่ประทับของสมเด็จพระจักรพรรดิ์แห่งราชวงค์เมจิของญี่ปุ่น ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโตเกียวท่ามกลางคูน้ำล้อมรอบสร้างมาตั้งแต่สมัยเอโดะ"เสียงไกด์สาธยายผ่านไมค์โครโฟนของรถ "มันกะสิคือวัดพระแก้ว บ้านเฮานี่หละเน๊าะ"เสียงสจ.แทรกมาทางหลังรถ
0000รถวิ่งมาตามถนนประมาณ สิบกว่านาทีก็จอดริมถนนนึกว่าคงเป็นปั้มน้ำมันที่ไหนสักแห่งเพื่อให้ผู้คนลงไปผ่อนคลายเข้าห้องน้ำแปลงฟัน แต่ไม่ใช่ กลับเป็นร้านอาหารญี่ปุ่น ที่มีทั้งกาแฟ เครื่องดื่ม อาหาร แบบฟูดฟาส ตั้งเป็นตู้เรียงรายกันอยู่ในตึกแถวเล็กๆ(เพิงหมาแหงน)ถ้าบ้านเราก็คงเป็นร้านขายอาหารริมถนนสักแห่งที่ขายข้าวเหนียวไก่ย่างส้มตำลาบก้อย หรือร้านข้าวแกงแต่นี่คือญี่ปุ่น อาหารหลักก็ต้องเป็นของญี่ปุ่นผสมผสานกับขนมปังฮอทด็อกเพื่อให้ดูเป็นอินเตอร์ แต่ถ้ามองดูโดยรอบบริเวณแถวนี้คงเป็นร้านที่ราคาถูกที่สุดของทั้งคนญี่ปุ่นหรือคนต่างประเทศ ทุกคนเอาเงินเยนมาแลกคูปองก่อนไปเลือกซื้ออาหารแปลกตาที่ยังไม่คุ้นเคยกับรถชาด...ภาษามือเป็นภาษที่ดีที่สุดสำหรับอาหารมื้อนี้...และอาหารมื้อแรกของเราในแผ่นดินนี้คือ"บะหมี่ กับกาแฟอีกหนึ่งถ้วยกระดาษ"
0000ญี่ปุ่นก็คือญี่ปุ่น...เป็นเมืองที่ทุกคนรู้จักทางประวัติศาสตร์ผ่านการศึกษาเล่าเรียน ผ่านทางสื่อต่างๆว่าก้าวหน้ากว่าใครเพื่อนในภูมิภาคเอเซียอาคเนย์ หรือแม้แต่ประเทศอื่นในโลกใบนี้ เรื่องคน วัฒนธรรม เราทั้งหลายทราบดีผ่านทั้งภาพยนตร์ หนังสือ สารคดี ทีวีทุกช่อง เอาญี่ปุ่นมาชำแหละจนเห็นทุกซอกมุม...คงไม่ต้องนำมาสาธยายอีกนะครับ...แต่ญี่ปุ่นก็คือคนเอเซีย กินข้าวเป็นหลัก กินผักเป็นประจำ พื้นที่อันน้อยนิดตามลาดเขา ตามที่ลุ่มก็มีนาข้าว มีสวนผัก...ถึงแม้พื้นที่ไม่กว้างใหญ่เหมือนบ้านเรา ก็มีให้เห็นทั้งนาข้าว สวนผัก ผลไม้...ตามที่ว่างสองข้างทางที่ฝนกำลังลงเม็ดปรอยๆ "เรียนทุกท่านทราบนะครับว่าขณะนี้ญี่ปุ่นอยู่ในห้วงมรสุม...มีพายุเข้า...ทำให้ญี่ปุ่นทั่วทั้งประเทศอากาศเย็น...และมีฝนตก...ก่อนลงจากรถให้ทุกท่านหยิบเอาร่มติดตัวคนละคันไปด้วยครับ..." เสียงคุณสุพจน์ ประกาศบอกพวกเราด้วยความเป็นห่วงหลังจากนำรถผ่านหุบเขา ขึ้นเขา ลงห้วย ...ริมทะเล รอดอุโมงค์...ผ่านทางเรียบทางชันก็ถึงพระราชวังเก่าแก่แห่งญี่ปุ่ในเวลา 11 นาฬิกาเศษ....
0000รถวิ่งมาตามถนนประมาณ สิบกว่านาทีก็จอดริมถนนนึกว่าคงเป็นปั้มน้ำมันที่ไหนสักแห่งเพื่อให้ผู้คนลงไปผ่อนคลายเข้าห้องน้ำแปลงฟัน แต่ไม่ใช่ กลับเป็นร้านอาหารญี่ปุ่น ที่มีทั้งกาแฟ เครื่องดื่ม อาหาร แบบฟูดฟาส ตั้งเป็นตู้เรียงรายกันอยู่ในตึกแถวเล็กๆ(เพิงหมาแหงน)ถ้าบ้านเราก็คงเป็นร้านขายอาหารริมถนนสักแห่งที่ขายข้าวเหนียวไก่ย่างส้มตำลาบก้อย หรือร้านข้าวแกงแต่นี่คือญี่ปุ่น อาหารหลักก็ต้องเป็นของญี่ปุ่นผสมผสานกับขนมปังฮอทด็อกเพื่อให้ดูเป็นอินเตอร์ แต่ถ้ามองดูโดยรอบบริเวณแถวนี้คงเป็นร้านที่ราคาถูกที่สุดของทั้งคนญี่ปุ่นหรือคนต่างประเทศ ทุกคนเอาเงินเยนมาแลกคูปองก่อนไปเลือกซื้ออาหารแปลกตาที่ยังไม่คุ้นเคยกับรถชาด...ภาษามือเป็นภาษที่ดีที่สุดสำหรับอาหารมื้อนี้...และอาหารมื้อแรกของเราในแผ่นดินนี้คือ"บะหมี่ กับกาแฟอีกหนึ่งถ้วยกระดาษ"
0000ญี่ปุ่นก็คือญี่ปุ่น...เป็นเมืองที่ทุกคนรู้จักทางประวัติศาสตร์ผ่านการศึกษาเล่าเรียน ผ่านทางสื่อต่างๆว่าก้าวหน้ากว่าใครเพื่อนในภูมิภาคเอเซียอาคเนย์ หรือแม้แต่ประเทศอื่นในโลกใบนี้ เรื่องคน วัฒนธรรม เราทั้งหลายทราบดีผ่านทั้งภาพยนตร์ หนังสือ สารคดี ทีวีทุกช่อง เอาญี่ปุ่นมาชำแหละจนเห็นทุกซอกมุม...คงไม่ต้องนำมาสาธยายอีกนะครับ...แต่ญี่ปุ่นก็คือคนเอเซีย กินข้าวเป็นหลัก กินผักเป็นประจำ พื้นที่อันน้อยนิดตามลาดเขา ตามที่ลุ่มก็มีนาข้าว มีสวนผัก...ถึงแม้พื้นที่ไม่กว้างใหญ่เหมือนบ้านเรา ก็มีให้เห็นทั้งนาข้าว สวนผัก ผลไม้...ตามที่ว่างสองข้างทางที่ฝนกำลังลงเม็ดปรอยๆ "เรียนทุกท่านทราบนะครับว่าขณะนี้ญี่ปุ่นอยู่ในห้วงมรสุม...มีพายุเข้า...ทำให้ญี่ปุ่นทั่วทั้งประเทศอากาศเย็น...และมีฝนตก...ก่อนลงจากรถให้ทุกท่านหยิบเอาร่มติดตัวคนละคันไปด้วยครับ..." เสียงคุณสุพจน์ ประกาศบอกพวกเราด้วยความเป็นห่วงหลังจากนำรถผ่านหุบเขา ขึ้นเขา ลงห้วย ...ริมทะเล รอดอุโมงค์...ผ่านทางเรียบทางชันก็ถึงพระราชวังเก่าแก่แห่งญี่ปุ่ในเวลา 11 นาฬิกาเศษ....
1 ความคิดเห็น:
แล้วทำไมญี่ปุ่นเค้าถึงดีกว่าไทยล่ะค่ะ
คนไทยทำไมถึงอยากไปแต่ญี่ปุ่น
แสดงความคิดเห็น