วันอาทิตย์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

สุวรรณภูมิ...สวรรค์ที่คนไทยภาคภูมิใจ...


0000ก่อนสองทุ่ม รอเช็คอินอีกครั้งทุกคนจึงมีอิสระเต็มที่ แลคเงินสกุลเยนคนละหมื่นสองหมื่นเอาไว้กันตายเวลาเดินชนชามก๊วยเตี๋ยว แต่ก็มี สจ.ใจใหญ่กระเป๋าหนักหลายคนตั้งใจจ่ายเต็มที่ มีเท่าไรแลกหมดกลับมาค่อยแลกกลับคืน

0000สจ.กล(สากล ไกษร) สจ.ทนายหนุ่มจากธาตุพนม ซึ่งเดินทางมากรุงเทพก่อนแล้วตามประสาคนหนุ่มและแลกเงินญี่ปุ่นไว้แล้วเกือบแสนคุยให้คณะฟังว่า "เงินญี่ปุ่น 100เยนประมาณ 32 บาทไทย ผมแลกเมื่อวานนี้ 33 บาท กว่าแต่ธนาคารแห่งประเทศไทยนะ ในสนามบินคง 32 กว่านี่แหละไผซิแลคกะได้เด้อ 32 บาท" "เบิ่งดู๋ท่านนายกยังบ่ไปฮอดไสมันเอากำไรหมู่แล้ว"สจ.กอ(ทันใจ ณ รังศรี)ตระโกนขึ้นพร้อมเสียงหัวเราะกันครึกครื้น


0000สองทุ่มตามนัดหมาย ส่วนใหญ่ก็รวมตัวกันอยู่แล้วเพราะหมดภาระกิจและกลัวหลงเพื่อน เป็นบ้านนอกเข้ากรุง ที่ชั้นสี่ สายการบิน JAPAN AIRLINE แถว R เจ้าหน้าที่เวิลดิ์ สปิริต ออนทัวร์ มาต้อนรับคณะแนะนำอะไรเพิ่มเติมเพื่อเก็บกระเป๋าเข้าใต้ท้องเครื่องบิน เช็คอินโชว์ตัวและหนังสือเดินทางคู่กับกระเป๋าเซนต์เอกสารเข้าออกประเทศ... นับต่อนี้ไปจนกลับมาที่เดิม ทั้ง 13 ชีวิตฝากไว้กับคนชื่อ สุพจน์ กนกเลิศวงศ์ ผู้เป็นไกด์พาเข้าออกญี่ปุ่นในครั้งนี้...
0000ผ่านการตรวจเอกสารทุกคนเข้าไปเดินดูของปลอดภาษีกันภายในสนามบิน...ทุกคนมีประสบการณ์ในการผ่านเข้าออกสนามบินนานาชาติแห่งนี้มาแล้ว...เพราะเคยเดินทางไปต่างประเทศกันมาแล้ว...เพียงแต่รู้ว่าขึ้นเครื่องgateไหนเวลาเท่าไรต่างรู้หน้าที่ดี...บ้างจับกันเป็นคู่...บ้างเดินเดี่ยว...แต่กลุ่มใหญ่สายตาซนเดินดูฝรั่งแต่งตัวโป้...แล้ววิจารณ์กันให้สนุกปากเพื่อฆ่าเวลา...เห็นหญิงไทยตัวดำปี๋ร่างเล็กนางหนึ่งจูงแขนฝรั่งยักแย้ยักยัน...สจ.สฤษดิ์หันมาหากลุ่มเพื่อนแล้วชี้ไปที่คนทั้งสอง"สินค้านำเข้า""แม่นยังสินค้านำเข้า"สจ.สงวนสงสัย"อ๋อผู้หญิงไทยนำฝรั่งเข้ามา...ถ้าไม่มีผู้หญิงพวกนี้...จ้างฝรั่งมันก็ไม่เข้ามา"
0000สจ.กูด วัฒนชัย จากบ้านแพงถามเพื่อนว่า"เป็นหยังฝรั่งจังมักคนตัวน้อยตัวดำ" สจ.กอ ทันใจว่า"ดำดีดำดูด ของน้อยมันคัก""บ่แม่น"สำเหนียงย้อบ้านแพงสวนคืน"ฝรั่งมันมักคนดำคนขี้ร่ายเพราะมันสบายใจบ่ต้องมีไผ่มาคอยแย่งเมียมัน"
00000สี่ทุ่มครึ่ง 12 ชีวิต บวก 1...จากชายแดนริมฝั่งโขงประเทศไทย ก็ทะยานข้ามน้ำข้ามทะเลสู่แดนปลาดิบ...โดยสายการบิน JAPAN AIRLINE เที่ยวบินที่ JL.718 สนามบินนานาชาติ นาริตะ...คือเป้าหมายตอนหกโมงเช้าของวันพรุ่งนี้...
00000นั่ง PB.AIR. จากนครพนมตกหลุมอากาศหน้ามรสุมว่าหวาดเสียวแล้ว เพราะสังเกตเห็นพวกเรานั่งนิ่งไม่พูดคุยเหมือนขึ้นเครื่องใหม่ๆ...มาเจอ JAL.ของญี่ปุ่นที่เป็นเครื่องใหญ่เจอหลุมอากาศยิ่งสั่นสะท้านเป็นสองเท่าทุกคนนั่งหลับตาเอนหลังพิงเบาะคงยังไม่หลับเพราะทีวีตัวเล็กหลังเบาะนั่งยังเปิดไว้...เรายังหลงภาวนา...มือกำหลวงพ่อเจ้าคุณจันโทปมาจารย์ที่ห้อยคอไว้ตลอดเวลาว่า....ช่วยลูกด้วยครับท่านเจ้าคุณ...
เคยอ่านเจอแต่ในหนังสือว่าเครื่องตกหลุมอากาศเป็นเช่นไร...นึกบรรยากาศและอาการไม่ออก...จนได้มาพบเจอกับตัวว่านี่แหละคือของจริง...ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเมารถเรือจนคลื่นเหียรอาเจียร...นอกจากอวกบ้างตอนเมากัญชา...หรือเหล้า...อายุสามขวบนั่งเรือกระแซงแล้ว สี่ขวบว่ายน้ำเป็น...ภูมิต้านทานมีมาแต่กำเหนิด แต่...อาการที่มันเกิดขึ้นกับเราวันนี้มันคืออะไรกันแน่ครับ...กินเหล้าหมดสามขวดก็ไม่ปานไม่ได้กินข้าวมาแล้วสามวันก็ไม่ใช่....อยากอวกวิงเวียนแต่อวกไม่ออก...ปวดท้องขี้แต่คงขี้ไม่ออกเพราะอาการมันบอกอย่างนั้น...กลืนน้ำลายฝืดไม่ยอมลงคอมันแน่นไปหมดทั้งหน้าอก...ช่องท้อง...เหงื่อซึมเต็มหลัง...หรี่ตามองเพื่อนรอบข้างตัวแข็งนิ่งสนิทเหมือนมัมมี่...เครื่องบินกระทบคลื่นเหมือนนั่งรถมอเตอร์ไซค์ตัดคลื่นลูกรังถนนที่ไม่เคยปรับเกรด..."ขณะนี้อากาศแปรปวนขอให้ทุกคนรัดเข็มขัดและนั่งอยู่กับที่."เสียงกัปตันประกาศเป็นครั้งที่เท่าไรก็ไม่ทราบได้เพราะมีทั้งภาษาญี่ปุ่น...อังกฤษ...ไทย...สลับกันไปมา....
0000กลิ่นข้าวต้มโชยเข้าจมูก...และมีเสียงเรียกเบาๆข้างหู..."อาหารเช้าคะ กาแฟโอวัลติน...หรืออย่างอื่นก็ได้นะคะ" เราหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่...ไม่อาจทราบได้เหลือบดูนาฬิกาบอกเวลาที่ติดอยู่ข้างหน้า...ตีห้าสิบสองนาที มองออกนอกหน้าต่างยังมืดสนิท...เหลือเวลาอีกประมาณชั่วโมงเศษคณะเราก็จะหย่อนเท้าลงสัมผัสแผ่นดินภูเขาไฟที่เรียกว่าญี่ปุ่นแล้ว...